year2560 - page 55
อั
งคุ
ลิ
มาละปริ
ตร
• ดู
ก่
อนน้
องหญิ
ง ตั้
งแต่
เราเกิ
ดมาแล้
วโดยชาติ
อริ
ยะในร่
มเงาแห่
งพระอริ
ยเจ้
า,
ยั
งไม่
เคยรู้
จั
กแกล้
งปลงชี
วิ
ตสั
ตว์
ให้
ตายเลย.
ด้
วยคำ
�สั
ตย์
นี้
ขอความสวั
สดี
จงมี
แก่
ท่
าน ขอความสวั
สดี
จงมี
แก่
ครรภ์
ของท่
าน ฯ
โพชฌั
งคปริ
ตร
• โพชฌงค์
คื
อองค์
แห่
งการตรั
สรู้
จะตรั
สรู้
ได้
ต้
องอาศั
ยธรรม ๗ ประการนี้
ขาดข้
อได้
ข้
อหนึ่
ง
ไม่
ได้
๗ ประการเหล่
านี้
คื
อ สติ
ความระลึ
กได้
ธรรมวิ
จยะ ความใคร่
ครวญในธรรม วิ
ริ
ยะ
ความเพี
ยร ปี
ติ
ความอิ่
มใจ ปั
สสั
ทธิ
ความสงบ สมาธิ
ความตั้
งมั่
นและ อุ
เบกขา ความ
วางเฉย เป็
นธรรมที่
พระมหามุ
นี
เจ้
าผู้
เห็
นธรรมทั้
งปวงได้
ตรั
สไว้
ชอบแล้
ว ซึ่
งถ้
าบุ
คคลเจริ
ญ
ให้
มากแล้
ว ย่
อมทำ
�ให้
เป็
นไปเพื่
อความรู้
ยิ่
ง เพื่
อพระนิ
พพาน และเพื่
อความตรั
สรู้
• ด้
วยการกล่
าวคำ
�สั
ตย์
จริ
งนี้
ขอความสวั
สดี
จงมี
แก่
ท่
านตลอดกาลทุ
กเมื่
อ ฯ
• ในสมั
ยหนึ่
ง พระบรมโลกนาถได้
ทอดพระเนตรเห็
น พระโมคคั
ลลานะ กั
บ พระกั
สสปะ เป็
น
ไข้
มี
ทุ
กขเวทนา จึ
งได้
ทรงแสดงธรรมอั
นเป็
นองค์
แห่
งการตรั
สรู้
๗ ประการนี้
.
• พระเถระทั้
ง ๒ ท่
านก็
มี
ใจ สองก็
เพลิ
ดเพลิ
นกั
บพระธรรมที่
พระบรมโลกนาถทรงกล่
าวแล้
ว
นั้
น และ ได้
หายจากความเจ็
บไข้
ในขณะนั้
น,
• ด้
วยการกล่
าวคำ
�สั
ตย์
จริ
งนี้
ขอความสวั
สดี
จงมี
แก่
ท่
านตลอดกาลทุ
กเมื่
อ ฯ
• ในกาลครั้
งหนึ่
ง แม้
พระพุ
ทธเจ้
าผู้
เป็
นพระธรรมราชาเอง ก็
ถู
กความป่
วยเบี
ยดเบี
ยน เช่
นกั
น,
• พระองค์
ทรงมี
รั
บสั่
งให้
พระจุ
นทเถระแสดงธรรมอั
นเป็
นองค์
แห่
งการตรั
สรู้
๗ ประการนี้
โดย
ความยิ
นดี
แล้
วพระองค์
ก็
ทรงบั
นเทิ
งพระทั
ย หายจากความป่
วยไข้
ไปโดยฐานะอั
นควรนั่
นแล,
• ด้
วยการกล่
าวคำ
�สั
ตย์
จริ
งนี้
ขอความสวั
สดี
จงมี
แก่
ท่
านตลอดกาลทุ
กเมื่
อ ฯ
• ก็
ความเจ็
บไข้
ได้
ป่
วยทั้
งหลายนั้
น เป็
นสภาวะที่
พระผู้
แสวงหาคุ
ณใหญ่
ทั้
ง ๓ องค์
ละได้
แล้
ว
ถึ
งความไม่
สามารถจะเกิ
ดขึ้
นได้
อี
กโดยธรรมดา ประดุ
จดั
งกิ
เลสทั้
งหลายถู
กอริ
ยมรรคกำ
�จั
ด
เสี
ยแล้
วฉะนั้
นนั่
นแล,
• ด้
วยการกล่
าวคำ
�สั
ตย์
จริ
งนี้
ขอความสวั
สดี
จงมี
แก่
ท่
านตลอดกาลทุ
กเมื่
อ ฯ
(๔๕)
1...,45,46,47,48,49,50,51,52,53,54
56