พิธีบวงสรวง การตั้งศาลฯ และเกร็ดความรู้ในพิธีกรรมต่างๆ

พิธีบวงสรวง และเกร็ดความรู้ในพิธีกรรมต่างๆ ตามแนวคําสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เรายกศาลพระภูมิเพื่ออะไร ? สําหรับภุมเทวดานี่ เรายกศาลบูชาท่านเพื่ออะไร ? จะไม่ยกศาลได้ไหม ? อันนี้ เป็นเครื่องเถียงกัน บรรดาท่านพุทธบริษัท มีนักปราชญ์สมัยนี้โจมตีภุมเทวดากันอย่างหนัก ดี ไม่ดีก็หาว่าคนที่ยกศาลพระภูมิเจ้าที่กลายเป็นอะไรต่ออะไรไป ก็รู้สีกว่าจะมากไปสักหน่อย สําหรับความรู้สึกของอาตมา จะเป็นเทวดาชั้นไหนก็ตาม เราควรบูชา ทั้งนี้เพราะอะไร ? เพราะว่าท่านที่จะเป็นเทวดาได้ต้องมีคุณธรรมวิเศษ ๒ ประการ คือ ( ๑ ) " หิริ " ได้แก่ ความละอายต่อความชั่ว ( ๒ ) " โอตตัปปะ " ความเกรงกลัวผลของความชั่ว จะมาถูกต้องตนจะให้ผลเป็น ความทุกข์ เป็นอันว่าคนที่จะเป็นเทวดาชั้งสูง หรือชั้นตํ่าก็ตาม จะต้องเป็นคนอายบาป แล้วก็กลัว บาป อายชั่ว กลัวชั่ว เป็นอันว่าคนที่ไม่ทําความชั่วชื่อว่าเป็นคนประเสริฐ เป็นคนดี แต่ว่าคนธรรมดาเราทั้งๆ ที่ยังมีความชั่วอยู่ โกหกมดเท็จก็ได้ เจ้าชู้ เป็นชู้ลูกเขาเมียใครก็ได้ ทําปาณาติบาตก็ได้ กิน เหล้าเมายาก็ได้ เราทําไมถึงได้ไหว้ได้ เราไหว้คนเลวได้ ทําไมเราจะไหว้คนดีจริงๆ ไม่ได้รึ ! อันนี้ ก็ไม่ได้ไปเถียงกับท่านนักปราชญ์ทั้งหลาย เพราะอาตมาอาจจะมีความรู้น้อย กว่าท่าน แต่ว่าสําหรับความเห็นของอาตมา การยกศาลบูชาภุมเทวดาเป็นของสมควร มา พิจารณาว่าสมควรตรงไหน ที่เขากล่าวกันว่า การไหว้บวงสรวงบูชาเทวดานี่ขัดพระ รัตนตรัย คือว่าขาดไตรสรณาคมน์เขาว่าอย่างนั้น เขาว่าไม่เป็นการเคารพระพุทธเจ้า เรา เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ควรไปเคารพเทวดา อันนี้ไม่จริง บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาขอค้าน เพราะว่า " ภุมเทวดา " หรือว่า " รุกเทวดา " อากาศเทวดาชื่อว่าเทวดาเหมือนกัน พระพุทธเจ้าทรงสอนให้สาวกของท่านมีความเคารพใน เทวดา ตัวอย่างใน " อนุสสติ ๑๐ " ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนให้เจริญ " เทวตานุสสติ กรรมฐาน " คือ การนึกถึงความดีของเทวดา ตรงนี้ซิท่านบรรดาพุทธบริษัท อาตมาจะไปขัด คอท่านนักปราชญ์ผู้ใหญ่เข้า หากว่าบังเอิญท่านได้ฟังพูดหรือได้เห็นที่เขาเขียนไว้ละก็ ให้อภัย ด้วยถ้ากระผมจะพูดไป แต่ถ้าจะผิดก็ผิดเฉพาะกําลังใจของท่านเท่านั้น แต่คงไม่ผิดจาก พระ พุทธพจน์ ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงให้เจริญเทวตานุสสติกรรมฐาน นึกถึง ความดีของเทวดา ถ้าบวงสรวงไหว้บูชาเทวดาเป็นของไม่ดี พระพุทธเจ้าคงไม่ยืนยันไว้ ๒๓