พิธีบวงสรวง การตั้งศาลฯ และเกร็ดความรู้ในพิธีกรรมต่างๆ

พิธีบวงสรวง และเกร็ดความรู้ในพิธีกรรมต่างๆ ตามแนวคําสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ๒. เราก็มาจับคาถา "นะมะ พะทะ" ภาวนาต่อ ให้จิตสบายอารมณ์แจ่มใส ๓ . เมื่อมีอารมณ์แจ่มใสเยือกเย็นดีแล้วก็จับภาพพระพุทธรูปสักองค์หนึ่ง จะเป็น พระพุทธรูปองค์ไหนก็ได้ตามสบาย เมื่อจับขึ้นมาแล้วก็นั่งพิจารณา ๔. จับภาพนึกถึงภาพภาวนาว่า "นะมะ พะทะ" เอาเท่านี้แหละ หลับตาภาวนา ด้วยเห็นภาพด้วยให้แจ่มใสจริง ๆ จะเดินไปเดินลืมตาหลับตา ก็นึกเห็นภาพพระอยู่ตลอดเวลา ไม่คลาดจากจิต เนื้อเพียงเท่านี้เอง ทําไปจะไม่บอกวิธีใช้ ทําไปจนกว่าอารมณ์มันจะรู้อะไร ขึ้นมาเอง ไม่ใช่มันจะภาพลอยไปข้างหน้านะ มันเกิดจากความรู้สึก ต้องการจะรู้อะไร ความรู้สึกมันบอกแล้วก็เห็นเป็นภาพชัด ไอ้ภาพเป็นนิมิตลอยไปลอยมาข้างหน้านี่ใช้ไม่ได้ เขาห้าม มันไม่อยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่า เป็น "ทิพยจักขุญาณ" ถ้าฝึกได้แบบนี้แล้วก็พยายามมั่นเจริญวิปัสสนาญาณควบคู่ ว่า แล้วก็ทําลาย "สักกายทิฏฐิ" การเห็นสภาพว่าเป็นเราเป็นของเราเสีย เห็นว่าเป็นแต่เพียง ธาตุ ๔ เข้ามาประชุมรวมกันชั่วคราวไม่ช้าก็สลายตัว มันไม่ใช่สมบัติของเราแน่นอน เรา ต้องการก็คือพระนิพพาน ทําจิตให้สะอาด พยายามระงับความโลภ ความโกรธ ความหลง ระงับก่อน เมื่อระงับก่อนก็ตัดทอนไปทีละน้อย ๆ พอใจสบาย เมื่อใจสบายไม่มีกังวลใด ๆ ไม่มี พันธะใด ๆ เกี่ยวข้อง ตอนนี้แหละอะไรที่อยากจะรู้มันรู้ได้แบบสบาย ๆ ถึงแม้ว่าองค์สมเด็จพระจอม ไตรที่นิพพานไปแล้วเขาเรียกว่า "สูญ" คนที่ทําอารมณ์อย่างนี้ก็รู้ว่าไม่สูญ แล้ว นิพพานที่ท่านว่าสูญคนที่มี อารมณ์ถึงระบบนี้ทุกคนเขาบอก ว่าไม่สูญ ถ้าอยากจะเถียงกันก็เถียง กันไป แต่พวกเขาไม่เถียงกับใคร เขา ถือว่าความรู้เขาเป็นสําคัญ ไอ้เรื่อง แผ่นกระดาษใครจะเขียนว่าอย่างไง นั้นไม่สําคัญ เขาไม่ปารถ เขาปารถ แต่ของจริงกัน อันนี้แหละบันดาท่านผู้ฟัง การจะรู้จะเห็นอะไรได้เขาทํากันแบบนี้ มันก็ไม่มากไม่มายเป็นของไม่ยาก ๑๐๙