ฤาษีทัศนาจร เล่ม ๔

37 จะเป่าแบบเจ๊กขายหมู คือเป่าทางตูด แต่ความจริงไม่ใช่ เขาเป่าข้างๆ แล้วก็มีลิ้นประกอบเป็นเพลง นี่อยากจะเปิดเพลงกะเหรี่ยงให้ฟังนะ บันทึกเสียงมาด้วย แต่ว่ารายการนี้เป็นรายการธรรมะ ขณะที่ไปถึงแล้วก็ไปนมัสการท่าน พอกราบท่านก็ลืมตามาจากนิโรธสมาบัติ ก็อาราธนา บอกขอหลวงปู่ นิมนต์ได้แล้วขอรับ เพราะบรรดาประชาชนมาพร้อมกันแล้ว ท่านก็ยิ้ม ถามว่าไป เดี๋ยวนี้รึ ก็เลยกราบเรียนท่านว่าไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ ท่านก็ไม่ได้รอ หยิบสังฆาฏิขึ้นมาพาดได้ หยิบ ไม้เท้าออกมาก็ออกจากสถานที่ทันที ขึ้นคานหามที่เขาเตรียมไว้ บรรดากะเหรี่ยงทั้งหลายที่ตั้งใจไว้ ว่าจะหามหลวงปู่หามไม่ทัน เพราะว่าพวกกะไทยทั้งหลาย (นี่ขึ้นว่ากะเหรี่ยงนี่ พวกไทยก็เลยใช้คํา นําหน้าว่ากะบ้าง) บรรดากะไทยทั้งหลายก็แย่งกันหามเป็นการใหญ่ กะเหรี่ยงเข้าไม่ถึง ในเมื่อ กะเหรี่ยงเข้าไม่ถึงแล้วเขาก็เลยเป็นฝ่ายดนตรี ขับประโคมแล้วก็รําแบบกะเหรี่ยง มองดูแล้วก็คิดถึง ไทยสมัยโบราณ ท่าทางของเขาดีมาก เมื่อเข้าไปถึงวัดแล้วก็ขอเล่าลัด ปรากฏว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายเข้าไปบําเพ็ญกุศล กันขนาดหนัก แต่เป็นที่น่าเสียใจอยู่นิดหน่อย สลดใจอยู่หน่อย เพราะว่าเวลาที่หลวงปู่เข้าไปใน โบสถ์มีคนเข้าไปแน่นอัด การเข้าไปนมัสการถวายของเป็นความดี แต่ที่บอกว่าสลดใจก็เพราะว่า ท่านที่เข้าไปแล้วไม่ยอมถอยออก บางท่านก็เข้าไปตื๊อ ดีไม่ดีก็เข้าไปปลุกบ้าง เสกบ้าง ความจริงพระ ไม่ได้ฉันข้าวมาตั้ง ๗ วัน ประกาศขอร้องบอกว่าให้ถอยออกไปก่อน ให้คนข้างหลังเข้ามาบ้าง ท่าน ก็ทําเฉยกันเสีย บางคนก็ถอดสร้อยออกมา มีพระคล้องคอให้ปลุกเสกอีก ความจริง จริยาแบบนี้ นักบุญไม่น่าจะทํา แต่เห็นใจบรรดาท่านพุทธบริษัท ถือว่าการนั้นเป็นการขลัง แต่ว่าโดยมรรยาท แล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท ควรให้โอกาสแก่บุคคลอื่นเขาบ้าง มันถึงจะควร ที่พูดอย่างนี้ไม่พูดเป็น เชิงตําหนิ แต่ขอติงเข้าไว้ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า เราต้องการบุญกัน เวลาที่เราต้องการบุญน่ะ ความจริงจะต้องถวายนมัสการกัน ไม่ใช่ไปใช้พระ แต่ที่กล่าวนี้ไม่ใช่คนส่วนมาก เป็นคนส่วนน้อย นิดหน่อยเท่านั้น อาตมาคิดว่าท่านที่ทําอย่างนั้น ที่มองหน้าแล้ว ไม่ใช่คณะที่ไปกับพวกเรา เป็นคน

RkJQdWJsaXNoZXIy NzAxNDYz