ฤาษีทัศนาจร เล่ม ๔

21 จึงได้กลับลงมา แล้วย้อนขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง ไปนมัสการท่าน เมื่อไปนมัสการแล้ว ท่านก็กระซิบว่า จะเข้านิโรธสมาบัติ กระซิบอาตมาคนเดียว อาตมาก็บอกว่าดีแล้ว ถ้าไม่ตั้งใจจะพูดให้ฟังผมก็จะ เกณฑ์ เมื่อหลวงปู่พูดเสียเองแบบนี้ผมก็ไม่ต้องเกณฑ์ ผมมาคราวนี้ตั้งใจเกณฑ์มาก เกณฑ์แน่นอน ท่านถามว่าเกณฑ์ทําไม ก็กราบเรียนถามท่านว่า เวลานี้ประเทศชาติเป็นยังไง เมื่อประเทศชาติ สลายตัวแล้วพระจะทรงตัวอยู่ได้ไหม แล้วพวกเราเหล่าพระซึ่งเป็นพุทธบริษัท เป็นสาวกขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความเป็นอยู่ของพวกเราอาศัยชาวบ้านเลี้ยงดู องค์สมเด็จพระบรมครู สอนให้บรรดาพุทธสาวกมีความกตัญ�ูรู้คุณคน เวลานี้บรรดาประชาชนผู้มีคุณกําลังได้รับความ ทุกข์อย่างหนัก แล้วเราจะมานั่งนอนอยู่เฉยๆ ไม่ช่วยชาวบ้าน มันจะเป็นความดีได้ยังไง ท่านก็ยิ้ม แล้วก็บอกว่าใช่ การเข้านิโรธสมาบัติคราวนี้ ต้องการช่วยสงเคราะห์พุทธบริษัท ต้องการจะช่วย ประเทศชาติ เพื่อยังความเยือกเย็นให้ปรากฏ ท่านก็บอกว่าทุกคนเข้ากันมากๆ ก็ดี ก็เลยบอกว่าไม่ ต้องห่วง ผมเกณฑ์แน่ แต่ต้องดูหน้ากันก่อน ถ้าท่านทั้งหลายเคยสืบเนื่องกันมาแต่อดีตชาติ ก็จะขอ เกณฑ์ท่านพวกนี้ ท่านทั้งหลายที่ไม่เคยสืบเนื่องกันมาก็ไม่เกณฑ์ เพราะเกณฑ์ท่านเข้าเดี๋ยวท่านจะ ไม่ยอม หลวงปู่ท่านก็ยิ้ม บอกว่าใช่ แล้ววิธีเกณฑ์นี่มี ๒ อย่างคือ ๑ เกณฑ์เข้านิโรธสมาบัติ ถ้าองค์ ไหนมีร่างกายไม่ดี ก็จะเกณฑ์เข้าผลสมาบัติ แต่ความจริงพระประเภทนี้เรื่องผลสมาบัติมีเป็นปกติ ธรรมดาอยู่ทุกวัน แต่การเกณฑ์นี่ก็จะขอให้เครียดกว่าปกติ คือประณีตกว่าปกติ มีกําหนด ๗ วัน หรือ ๑๕ วัน เมื่อวันออกก็จะพาบรรดาพุทธบริษัทไปนมัสการ เพื่อได้รับความเยือกเย็น เพราะว่า ตามธรรมดา ไฟเป็นของร้อน ถึงแม้ว่าจะกองใหญ่ เคมีสําหรับดับเพลิงถึงแม้จะมีจํานวนน้อย แต่ว่า มีความเย็นสูง สามารถจะดับไฟกองใหญ่ๆ ลงไปได้ ข้อนี้มีอุปมาฉันใด โลกที่เร่าร้อนอยู่เวลานี้ก็ เป็นเพราะการบาปอกุศล อกุศลของบรรดาประชาชนที่สร้างไว้ในกาลก่อนให้ผลจึงเกิดความเร่า ร้อน แต่ทว่าถ้าสาวกขององค์สมเด็จพระชินวรผู้มีพระคุณใหญ่ สามารถเข้าผลสมาบัติหรือนิโรธ สมาบัติได้ เข้าแล้วบรรดาประชาชนทั้งหลายพากันไปบูชา ไปนมัสการ ก็จะสร้างความเยือกเย็นให้ เกิดขึ้นกับตัว ถ้าความเย็นมีมากๆ ไฟมันก็ดับไปได้เหมือนกัน หลวงปู่ชุ่มท่านมีเจตนา ท่านก็

RkJQdWJsaXNoZXIy NzAxNDYz